รู้ได้ยังไงว่าเมล็ดกาแฟคั่วหมดอายุแล้ว
สำหรับใครที่เพิ่งเข้าสู่วงการของกาแฟนั้นก็อาจจะสงสัยว่าเมล็ดกาแฟคั่วที่เราซื้อมากินกันนั้นมีวันหมดอายุหรือไม่ เพราะบางทีหลายๆคนก็อาจจะไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วเมล็ดกาแฟคั่วนั้นก็มีวันหมดอายุเช่นเดียวกัน แต่จะมีวิธีการในการสังเกตหรือรู้ได้อย่างไรว่าเมล็ดกาแฟนั้นเข้าข่ายของการหมดอายุในเร็ววันแล้ว วันนี้บทความของเราจึงได้นำเอาความรู้ดีๆ เกี่ยวกับเรื่องของการดูวันหมดอายุและการสังเกตความเสื่อมสภาพของเมล็ดกาแฟมาฝากกันจะมีเรื่องไหนที่น่ารู้บ้างก็มาดูกันเลย
เมล็ดกาแฟคั่ว แบบนี้ใกล้หมดอายุแล้วนะ เขาดูกันยังไง
สำหรับสายชงกาแฟมือใหม่นั้นเรื่องของการดูวันหมดอายุของเมล็ดกาแฟคั่วอาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากแต่ก็มีความง่ายดายอยู่ตรงที่เขาจะมีเรื่องของการใส่ BBD หรือ Best Before Date ซึ่งเป็นวันที่ควรบริโภคก่อนเอาไว้ให้เราได้ดูกันเพื่อทำให้เราได้รู้ว่าเราควรจะทำการใช้เมล็ดกาแฟคั่วนี้ก่อนวันใดจึงจะดีที่สุด และทำให้กาแฟนั้นยังคงไว้ซึ่งรสชาติที่ดั้งเดิมและกลิ่นที่มีความหอมในแบบที่คุณชื่นชอบได้เป็นอย่างดี
แต่ถ้าหากว่าเราหาวันหมดอายุหรือวันที่ควรบริโภคก่อนในซองกาแฟไม่เจอนั้นก็มีอีกหนึ่งวิธีนั่นก็คือการที่เราสามารถจะดมจากวาล์วที่อยู่ข้างหลังซองกาแฟได้อีกเช่นเดียวกัน ซึ่งกลิ่นของมันที่ส่งออกมานั้นก็จะเป็นกลิ่นที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งก็อาจจะมีกลิ่นที่หอมน้อยลงหรือไม่หอมเลยโดยจะสังเกตได้จากความแตกต่างจากการใช้หรือเปิดในครั้งแรกที่กลิ่นของเขาค่อนข้างจะมีความหอมเข้าสู่จมูกได้ดีเป็นอย่างมาก แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปก็จะทำให้กลิ่นนี้เริ่มลดลง ทำให้เราสามารถสังเกตได้ว่ากาแฟนี้นั้นเริ่มที่จะเข้าข่ายการหมดอายุแล้วนะ
ซึ่งเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วนั้นมักจะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้นอยู่ในเซลล์ของเมล็ดกาแฟ หากเราทำการสกัดกาแฟหลังจากการคั่วเราอาจจะยังไม่ได้กลิ่นและรสชาติที่มีความชัดเจนมากนักเพราะก๊าซตัวนี้มาขัดขวางไม่ให้น้ำเข้าไปทำการสกัดและรสชาติที่มีในกาแฟออกมาได้อย่างเต็มที่นั่นเอง แต่หากเราเก็บเมล็ดกาแฟไว้นานเกินไปก็อาจจะทำให้กลิ่นรวมไปถึงรสชาติบางอย่างนั้นสามารถที่จะหายไปได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์เพิ่มเติมอย่างอื่นเช่นกลิ่นหญ้าแห้งที่มักจะเป็นปัญหาอยู่ประจำสำหรับการเก็บกาแฟที่นานจนเกินไปและการเก็บแบบผิดวิธี
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการเก็บรักษานั้นก็ไม่ได้ส่งผลต่อรสชาติของกาแฟแต่เพียงอย่างเดียวก็จริง แต่หากผู้ชงกาแฟมีวิธีการเก็บรักษาที่ถูกต้องและมีความเหมาะสม ก็จะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ทั้งกลิ่นและรสชาติของกาแฟยังคงไว้ซึ่งความสดใหม่และมีความชัดเจนอีกทั้งยังสามารถยืดอายุของกาแฟได้นานมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย โดยระยะเวลาในการเก็บกาแฟแบบต่างๆนั้นก็มีดังนี้
– กาแฟคั่วที่บรรจุในถุงฟอยล์มีวาล์ว จะสามารถเก็บได้ประมาณ 1-3 เดือน ทางที่ดีไม่ควรเกิน 1 เดือน นับจากวันที่ผลิตที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์
– เมล็ดกาแฟที่บรรจุในถุงฟอยล์ที่มีการเติมก๊าซไนโตรเจนในถุง จะสามารถเก็บได้ประมาณ 1-2 ปี สำหรับแบบที่ยังไม่เปิดถุง
– เมล็ดกาแฟที่คั่วบดแล้ว จะสามารถเก็บได้นาน 7-15 วัน สำหรับแบบที่ยังไม่เปิดถุงเพราะเมล็ดกาแฟที่บดแล้วนั้นจะสามารถคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็จะทำให้สูญเสียรสชาติได้ง่ายมากกว่าแบบอื่นๆนั่นเอง
เพราะฉะนั้นหากใครที่กำลังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องของวันหมดอายุของเมล็ดกาแฟเหล่านี้ ก็สามารถที่จะดูจากบทความของเราเอาไว้เพื่อเป็นแนวทางกันได้เลย และทางที่ดีหากซื้อเมล็ดกาแฟใหม่เพื่อมาทำการเติมนั้น ก็ควรที่จะทำการแยกเมล็ดกาแฟเก่าออกก่อนไม่ให้รวมกันเพื่อที่จะทำคุณภาพของกาแฟที่ได้ทำการชงออกมานั้น มีรสชาติและกลิ่นที่ดีแบบสดใหม่และตอบโจทย์กับการดื่มกาแฟคุณภาพได้นั่นเอง