5 วิธีการชงกาแฟแบบต่างๆ
วิธีการชงกาแฟเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สายกาแฟหลาย ๆ คนไม่ควรพลาดเนื่องจากใครที่ชื่นชอบในการดื่มกาแฟนั้นนอกจากจะรอบรู้ในเรื่องของเมล็ดพันธุ์กาแฟรวมไปถึงกาแฟชนิดต่าง ๆ แล้วเรื่องของวิธีการชงก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าค้นหาเป็นอย่างมากอีกด้วย เพราะฉะนั้นวันนี้ เราจึงนำเอาวิธีการชงกาแฟที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลกมาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกัน

 

5 วิธีการชงกาแฟ มีแบบไหนบ้าง พร้อมทริคในการชงน่าใช้

 

ในการชงกาแฟนับว่าเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนก่อนที่คุณนั้นจะได้ดื่มด่ำกับรสชาติอันเข้มข้นชวนหลงใหลของกาแฟที่คุณชื่นชอบ ซึ่งวิธีในการชงนั้นก็มีอยู่อย่างหลากหลาย แต่วิธีการชงกาแฟที่ได้รับความนิยมนั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 5 วิธีดังนี้

 

  1. วิธีการชงแบบเฟรนช์เพรส (French Press)

 วิธีการชงแบบเฟรนช์เพรส (French Press) มีชื่อเรียกอีกหนึ่งชื่อว่า Cafetiere หรือ Coffee Plunger ซึ่งถึงแม้วิธีนี้จะเป็นวิธีการชงกระแฟที่ถูกประเมินค่าต่ำสุด เพราะมีความง่ายและความประหยัดนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว โดยมีวิธีในการชง ดังนี้

 – บดกาแฟก่อนที่จะทำการชง ซึ่งในขั้นตอนนี้ก็จำเป็นที่จะต้องชั่งกาแฟก่อนทำการบด และยังควรบดให้มีปริมาณน้ำตาลทรายที่มีความหยาบสักนิดเพื่อลดความขมลงไป หรือหากใครที่อยากให้กาแฟมีความขมและเข้มนั้นก็สามารถที่จะบดให้มีความละเอียดมากยิ่งขึ้นได้เช่นกัน

 – ต้มน้ำสะอาดในปริมาณที่เหมาะกับการชง

 – ใส่กาแฟบดลงไปแล้วทำการชั่งน้ำหนัก

 – ทำการเทน้ำในปริมาณที่ถูกต้องลงไป ซึ่งก็จะใช้เป็นอัตราส่วน 75 กรัมต่อลิตร โดยให้เทอย่างรวดเร็ว และควรให้กาแฟบดนั้นเปียกทั่วทั้งหมด

 – ปล่อยกาแฟไว้ประมาณ 4 นาที กาแฟก็จะเริ่มจับตัวเป็นก้อนหรือเป็นชั้นในระหว่างที่รอ

 – เมื่อครบ 4 นาทีแล้ว ให้ทำการนำช้อนลงไปคนในภาชนะ เพื่อที่จะทำให้กาแฟนั้นลงไปที่ก้นของภาชนะนั่นเอง

 – หากพบว่ามีฟองหรือผงกาแฟบางส่วนลอยอยู่ให้ทำการตักส่วนนั้นทิ้งได้เลย

 – รออีกประมาณ 5 นาที เพื่อให้กาแฟและเศษเล็กจมลงไปที่ก้นกาแฟได้ดียิ่งขึ้น

 – ทำการประกอบตะแกรงเหล็กเข้ากับกาชงกาแฟ โดยอย่าเพิ่งทำการกดเพราะหากกดแล้วอาจไปทำให้ตะกอนที่จมอยู่สามารถลอยขึ้นมาได้อีก

 – ทำการเทกาแฟผ่านตะแกรงลงแก้วอย่างช้า ๆ จนน้ำใกล้หมด ซึ่งก็จะทำให้ได้กาแฟที่มีรสชาติเข้มข้น รวมไปถึงยังมีเศษตะกอนให้ได้เห็นน้อยมาก ๆ


  1. วิธีการชงแบบแอโร่เพรส (Aeropress)

 เป็นการชงที่ผสมผสานวิธีแบบ French Press และจะถูกเพิ่มแรงดันอัดเหมือนวิธีการชงแบบ Espresso แต่เป็นการอัดแรงดันด้วยมือแทนการใช้ชุดกระบอกลูกสูบแอโร่เพรส ที่จะมีข้อดีในเรื่องของราคาที่ย่อมเยาว์ แข็งแรง และพกพาง่าย อีกทั้งยังสามารถชงกาแฟแก้วเล็กได้เข้มข้นมากกว่า French Press อีกด้วย โดยวิธีการชงก็มีดังนี้

 – บดกาแฟก่อนชงและอย่าลืมชั่งกาแฟด้วย

 – ใส่กระดาษกรองลงไปในที่จับแล้วล็อคเข้ากับที่ชง

 – เทน้ำร้อนผ่านอุปกรณ์ชงเพื่อเป็นการล้างกระดาษกรองและเป็นการวอร์มอุปกรณ์ในการชง

 – วางแก้วกาแฟลงไปบนตาชั่งแล้วว่าอุปกรณ์ชงหลักบนแก้วก่อนที่จะใส่กาแฟลงไป

 – ต้มน้ำสะอาดให้มีปริมาณเหมาะกับการชงกาแฟ

 – เมื่อน้ำเดือดให้รอ 10 ถึง 20 วินาที แล้วทำการเปิดตาชั่งจากนั้นเติมน้ำในปริมาณที่ต้องการลงไปเช่นหากเติมไป 200 มิลลิลิตร จะใช้กับกาแฟปริมาณ 15 กรัม เป็นต้น

 – คนกาแฟเล็กน้อยแล้วประกอบลูกสูบเข้ากับตัวอุปกรณ์หลักทำการผนึกไว้ให้แน่นหนา แต่อย่าเพิ่งทำการกดลงเพราะอาจทำให้เกิดสุญญากาศขึ้นเหนือกาแฟและเป็นการป้องกันไม่ให้น้ำหยดจนกว่าเราจะต้องการ

 – หลังจากชงได้ประมาณ 1 นาที ให้ยกแก้วกับเครื่องชงลงจากตาชั่งแล้วทำการกดลูกสูบช้า ๆ จนน้ำหยดลงไปด้านล่างจนหมด

 – เมื่อน้ำลงไปหมดแล้วให้ดึงลูกสูบกลับขึ้นเล็กน้อยประมาณ 1 นิ้ว เพื่อหยุดไม่ให้น้ำหยดตอนที่จะเอากากกาแฟทิ้ง


  1. วิธีการชงกาแฟแบบมอคค่าพอทตั้งเตา (Stove-Top Moka Pot)

เป็นวิธีการชงกาแฟที่มีเอกลักษณ์และมีความง่ายดาย ซึ่งการชงกาแฟในรูปแบบนี้ จะทำให้กาแฟมีรสชาติที่ค่อนข้างขมและเข้มอยู่พอตัว เพราะด้วยความที่มันใช้หม้อที่มีอุณหภูมิสูงในการชง จึงทำให้สามารถสกัดได้เป็นกาแฟที่รสขมออกมานั่นเอง โดยวิธีการชงแบบมอคค่าพอทตั้งเตา ก็มีดังนี้

 – บดกาแฟใส่ตะแกรงก่อนที่จะชงโดยเกลี่ยให้กาแฟบดอยู่ในระดับเดียวกันแต่อย่ากดกาแฟ

 – ต้มน้ำสะอาดให้มีปริมาณที่เหมาะกับการชงกาแฟ ซึ่งข้อดีของวิธีนี้คือการนำไปตั้งบนเตาที่จะทำให้น้ำนั้นร้อนเร็วซึ่งก็จะทำให้กาแฟไม่ได้รับความร้อนมากเกินไปทำให้ขมน้อยลงและยังประหยัดเวลามากยิ่งขึ้นอีกด้วย

 – เติมน้ำร้อนลงในส่วนล่างของมอคค่าพอทจนถึงระดับต่ำกว่าวาล์วเล็กน้อยแต่ห้ามเกินระดับวาล์วเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแรงดันที่มากเกินไป

 – ใส่ตะแกรงกาแฟลงไปในมอคค่าพอตและดูให้แน่ใจว่าปะเก็นยางนั้นสะอาดดีและประกอบเข้าด้วยกันแต่ถ้าปะเก็นยางผนึกไม่แน่นพอก็จะทำให้มอคค่าพอททำงานได้ไม่ดี

 – ตั้งมอคค่าผ่อนบนเตาโดยใช้ไฟอ่อนถึงไฟกลางแล้วเปิดฝาไว้เมื่อน้ำช่องด้านล่างเริ่มเดือดก็จะทำให้ไอน้ำดันผ่านท่อที่ส่งไปยังตะแกรงกาแฟ ซึ่งหากเราเติมน้ำเร็วและร้อนเท่าไหร่ความดันก็จะมากขึ้นเท่านั้นอีกทั้งยังทำให้ระยะเวลาในการชงไวขึ้นอีกด้วย

 – ในขั้นตอนนี้จะเห็นว่ากาแฟจะเริ่มไหลออกมาอยู่ที่ช่องด้านบนแล้ว ซึ่งให้ฟังเสียงดี ๆ หากได้ยินเสียง”โครก” คุณจะต้องปิดเตาและหยุดชงได้แล้ว เพราะนั่นหมายถึงน้ำส่วนใหญ่ถูกดันขึ้นมาเกือบหมดและไอน้ำก็เริ่มจะขึ้นมาแทนที่ถ้าหากชงต่อจะทำให้กาแฟขมมากเกินไป

 – เปิดน้ำเย็นให้ไหลผ่านผ่านมอคค่าพอร์ตเพื่อหยุดชง ซึ่งอุณหภูมิที่ลดลงนั้นจะทำให้ไอน้ำเกิดการควบแน่นและลดแรงดันลงอีกด้วย


  1. วิธีการชงกาแฟแบบใช้เครื่องชงสุญญากาศ (Vacuum Pot)

เป็นวิธีการชงที่มีความเก่าแก่แต่ก็เปรียบเสมือนการเพิ่มลูกเล่นให้กับการชงกาแฟให้เกิดความสนุกและไม่น่าเบื่อ ราวกับได้ทดลองวิทยาศาสตร์ ซึ่งเครื่องชงสุญญากาศนี้ปัจจุบันจะเรียกว่าเครื่องไซฟอน ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีการชงที่ยากพอสมควร โดยวิธีการชงแบบใช้เครื่องชงสุญญากาศก็มีดังนี้

 – บดกาแฟก่อนชงและอย่าลืมชั่งกาแฟก่อนด้วย

 – ในโถบนซึ่งต้องทำการดูก่อนว่าโถบนไม่มีน้ำค้างอยู่

 – วางโถล่างลงบนตาชั่งดิจิตอลแล้วเทน้ำร้อนในปริมาณที่คำนวณไว้ลงไปในโถ

 – ทำการยกโถด้วยด้ามจับจากนั้นย้ายโถล่างไปอยู่บนอุปกรณ์ให้ความร้อน เช่น เตาบิวเทนขนาดเล็ก ตะเกียงแอลกอฮอล์ หรือหลอดไฟฮาโลเจน

 – ว่างโทรบนลงด้านบนแต่อย่าเพิ่งผนึกมันเพราะน้ำจะถูกดันขึ้นมาก่อนที่มันจะมีอุณหภูมิเหมาะสม หากผนึกไวไปซึ่งก็จะทำให้กาแฟมีรสชาติแย่

 – เมื่อน้ำเริ่มเดือดให้ผนึกโถบนเข้ากับโถล่าง ซึ่งหากใช้อุปกรณ์ให้ความร้อนที่ปรับความร้อนได้ให้ลดความร้อนลงเป็นระดับต่ำโดยจะเห็นว่าน้ำนั้นจะเริ่มดันขึ้นมาที่โถบนและจะต้องทำการดูให้แน่ใจว่าตัวกรองนั้นอยู่ตรงกลางพอดีเพราะหากตัวกรองเบี้ยวจะเห็นฟองอากาศผุดขึ้นด้านใดด้านหนึ่งโดยให้ใช้พายหรือช้อนดันตัวกรองกลับเข้าที่อย่างระมัดระวัง

 – จะเห็นว่าน้ำในโถจะมีฟองเยอะและใหญ่ในช่วงแรก ๆ ซึ่งเมื่อฟ้องเหล่านี้เล็กลงแล้วก็สามารถที่จะชงได้โดยการเติมกาแฟบดลงไปแล้วคนจนกาแฟทั้งหมดเปียกแล้วทำการจับเวลา

 – จะเห็นได้ว่ากาแฟจากเกาะกันเป็นแผ่นด้านบนเพื่อชมได้ 30 วินาที ให้ใช้ช้อนคนกาแฟเพื่อให้กาแฟที่ลอยอยู่กับลงไปในน้ำ

 – ปิดอุปกรณ์ให้ความร้อนเมื่อเวลาผ่านไปอีก 30 วินาที และเมื่อกาแฟถูกดูดกลับไปในถูล่างให้คนกาแฟเบา ๆ ตามเข็มนาฬิกา 1 ครั้ง และทวนเข็มนาฬิกาอีก 1 ครั้ง เพื่อไม่ให้กาแฟติดผนังเครื่องชง

 – ปล่อยให้กาแฟถูกดูดลงไปจนหมดจะเห็นว่ามีกากกาแฟเกาะกันเป็นโดมเล็ก ๆ อยู่ให้ทำการเทกาแฟในโถล่างลงในโถกาแฟอื่นเพราะความร้อนที่หลงเหลืออยู่ในโถล่างอาจทำให้กาแฟมีรสสุกได้


  1. วิธีชงกาแฟแบบเอสเพรสโซ่ (Espresso)

เป็นวิธีการชงที่ถูกให้การยอมรับว่าดีที่สุดและยังได้รับความนิยมในการชงมากที่สุดในขณะเดียวกันจนมาถึงปัจจุบัน แต่ก็จะมีเรื่องของการลงทุนที่ค่อนข้างสูงอยู่พอตัว แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพของกาแฟและรสชาติต่าง ๆ ที่ได้แล้วก็ถือว่ามีความคุ้มค่าเป็นอย่างมากเลยทีเดียว โดยวิธีการชงกาแฟแบบเอสเพรสโซ่ ก็จะมีดังนี้

 

จะเป็นวิธีการในการชงที่มีความเฉพาะเจาะจง โดยการใช้เครื่องเอสเพรสโซ่เป็นเครื่องชงกาแฟซึ่งก็จะเห็นได้ว่าการชงรูปแบบนี้ได้รับความนิยมในบริเวณกว้าง โดยเฉพาะในรูปแบบฟาสต์ฟู้ดแบบอเมริกัน รวมไปถึงยังเป็นวัฒนธรรมกาแฟอิตาเลียนที่ได้รับความนิยมอีกด้วย ซึ่งวิธีการชงกาแฟชนิดนี้นั้นค่อนข้างยากแต่ในทางกลับกันก็ให้ผลลัพธ์ที่มีความคุ้มค่า โดยจำเป็นจะต้องอาศัยทั้ง เทคนิคและเครื่องชงที่ได้มาตรฐาน รวมไปถึงเรื่องของการบด และอัตราส่วนในการชง ตลอดจนอุณหภูมิที่ใช้ในการชงอีกด้วย

 

และทั้งหมดนี้ก็คือวิธีการชงกาแฟรูปแบบต่างๆที่เราได้นำเอามาแชร์ให้ทุกท่านได้ดู ซึ่งหากใครที่อยากลองเปิดประสบการณ์การชงกาแฟรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนก็สามารถนำเอาวิธีเหล่านี้ไปทดลองใช้กันได้เลย อีกทั้งสำหรับใครที่ชื่นชอบในการดื่มกาแฟจะต้องประทับใจในวิธีการชงเหล่านี้อย่างแน่นอน

Login