การแปรรูปกาแฟ คืออะไร รวมเรื่องน่ารู้ของการแปรรูป สำหรับคอกาแฟ
นอกจากเรื่องของการปลูกเมล็ดกาแฟในรูปแบบต่าง ๆ แล้วนั้นหลังจากการปลูกเสร็จสิ้นเข้าสู่ขั้นตอนการเก็บเกี่ยวก็จะมีการแปรรูปกาแฟเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งกระบวนการที่มีความจำเป็นต่อการทำให้กาแฟนั้นอยู่ในรูปแบบของเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพอีกขั้นตอนหนึ่งอีกด้วย แล้ววันนี้บทความของเราก็จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับการแปรรูปกาแฟในรูปแบบต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดื่มกาแฟของคุณได้มากยิ่งขึ้นจะมีสิ่งใดที่น่าสนใจชวนให้ได้ติดตามบ้างนั้นก็มาดูกันได้เลย
3 วิธีการแปรรูปกาแฟ ฉบับเข้าใจง่าย ได้ใจคนรักกาแฟ
การแปรรูปกาแฟคือการนำเอาผลกาแฟที่เก็บเกี่ยวมาแล้วมาทำการแปรรูปหรือเปลี่ยนแปลงด้วยกรรมวิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการล้าง การขัดเปลือก การหมัก หรือการตาก ที่จะนำไปสู่ขั้นตอนหรือกระบวนการในการทำให้เป็นเมล็ดกาแฟคุณภาพต่อไป โดยวิธีแปรรูปหลังเก็บเกี่ยวสามารถส่งผลกระทบต่อรสชาติกาแฟในแก้วได้อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงทำให้การแปรรูปกาแฟเป็นส่วนที่สำคัญในการขายกาแฟไปในตัว
ซึ่งในส่วนนี้ก็มีเพียงผู้ผลิตบางรายเท่านั้นที่รู้ว่ากาแฟที่ผ่านการแปรรูปจะมีรสชาติไปในทิศทางใดเพราะส่วนใหญ่มักจะมุ่งไปที่เป้าหมายในเรื่องของการทำให้กาแฟนั้นมีจุดบกพร่องน้อยที่สุดเป็นหลักนั่นเอง โดยหลังจากการเก็บเกี่ยวผลกาแฟเสร็จแล้วผลกาแฟก็จะถูกลำเลียงไปยังโรงสีเปียกเพื่อแยกเนื้อกาแฟออกตากแห้งและเก็บรักษา โดยเมล็ดกาแฟนั้นจะมีระดับความชื้นตั้งแต่ 60% ซึ่งเป็นระดับความชื้นตั้งต้นและหลังจากตากเสร็จนั้นจะมีความชื้นอยู่ที่ประมาณ 11-12% ก็เพื่อที่จะทำให้เกิดความมั่นใจว่ากาแฟนั้นจะไม่เกิดการเน่าเสียในขณะที่เราขายหรือทำการขนส่งนั่นเอง
โดยโรงสีเปียกจะแปรรูปผลกาแฟไปเป็นกาแฟกะลาซึ่งกาแฟกะลานี้ก็จะมีความแห้งและมีชั้นกะลาคลุมเมล็ดกาแฟเอาไว้อยู่และหลายคนก็เชื่อว่าเมล็ดกาแฟที่ได้รับการปกป้องอย่างดีจากชั้นกะลากาแฟแบบนี้นั้นจะทำให้กาแฟไม่เสื่อมคุณภาพลงจนกว่าจะสีกะลาออก ก่อนกาแฟจะถูกส่งออกไปจากไร่ โดยการแปรรูปของผู้ผลิตส่วนใหญ่นั้นคือการทำให้กาแฟสามารถสร้างผลกำไรและผลตอบรับให้ได้มากที่สุดซึ่งนั่นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ผลิตคำนึงถึงเสมอก่อนที่จะทำการแปรรูปโดยวิธีต่าง ๆ โดยวิธีการแปรรูปของกาแฟนั้นก็มีอยู่ด้วยกันหลายวิธี แต่เราจะขอหยิบยกมาให้ทุกท่านได้รู้จักถึง 3 วิธี ดังนี้
Natural Process หรือ Dry Process
เป็นการแปรรูปกาแฟแบบแห้งซึ่งเป็นวิธีการที่มีความเก่าแก่ที่สุดในการแปรรูปกาแฟเลยก็ว่าได้โดยหลังจากการเก็บเกี่ยวกาแฟเสร็จแล้วผลกาแฟก็จะถูกลำเลียงไปตากแห้งด้วยแสงแดดและจะมีการเกลี่ยเป็นชั้นบาง ๆ บนลานอิฐหรือโต๊ะตากกาแฟที่ยกขึ้นจากพื้นดิน เพื่อให้อากาศนั้นสามารถถ่ายเทได้โดยรอบ อีกทั้งผลกาแฟก็จะมีความแห้งที่มีความสม่ำเสมอกันและยังต้องกลับด้านกาแฟบ่อย ๆ เพื่อป้องกันเชื้อรา การหมัก และการเน่าเสีย ซึ่งขั้นตอนนี้จะเป็นการช่วยเพิ่มรสชาติให้แก่กาแฟได้เป็นอย่างดีแต่บางครั้งก็ทำให้แย่ลง
อย่างไรก็ดีกาแฟที่มีการแปรรูปด้วยวิธีนี้นั้นจะมีคุณภาพสูงและทำให้คนในวงการกาแฟหลาย ๆ คนเห็นคุณค่าของกาแฟที่มีรสชาติของผลไม้ซึ่งก็เชื่อว่ามันเป็นวิธีที่จะช่วยชูว่ากาแฟนั้นมีรสชาติอย่างไรได้บ้างแต่สำหรับบางคนก็คิดว่ากาแฟที่มีรสชาติแบบผลไม้ที่ติดเปรี้ยวแบบเบอร์รี่แบบนี้นั้น อาจจะมีรสชาติที่ไม่ค่อยน่าอภิรมย์เสียเท่าไหร่
Washed Process
เป็นรูปแบบของวิธีการแปรรูปกาแฟที่จะมีการขจัดเนื้อกาแฟออกจากเมล็ดก่อนที่จะนำไปตากโดยวิธีเหล่านี้นั้นจะเป็นการช่วยลดโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดขึ้นในระหว่างการตากแห้งได้ และการแปรรูปกาแฟด้วยวิธีนี้นั้นจะมีมูลค่าที่ค่อนข้างสูง ซึ่งก็ส่งผลต่อเรื่องราคาที่จะใช้ในการขายหรือส่งออกอีกด้วย ซึ่งหลังจากการเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟเสร็จแล้วจะมีการนำเอาผลของกาแฟผิวด้านนอกและเนื้อกาแฟนั้นไปทำการขจัดต่อด้วยเครื่องปอกกาแฟและจะถูกย้ายไปยังถังสะอาดหรือบ่อเพื่อขจัดเนื้อกาแฟที่เหลืออยู่ออกไปด้วยวิธีการทำให้เนื้อกาแฟนั้นเต็มไปด้วยเพคตินที่ติดแน่นอยู่กับเมล็ดกาแฟแต่การหมักก็จะเป็นการช่วยย่อยเนื้อที่เหลืออยู่นั้นให้สามารถล้างออกไปได้หมด
ซึ่งหากกาแฟที่มีการแปรรูปด้วยวิธีการแบบนี้ถูกหมักนานจนเกินไปหรือมีระดับความสูงและอุณหภูมิต่าง ๆ ที่ไม่มีความเหมาะสมแล้วนั้น ก็จะส่งผลต่อเรื่องของรสชาติที่ไม่พึงประสงค์ตามไปด้วย และหลังจากการหมักเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้นก็จะนำเอาไปทำการล้างและตากเป็นขั้นตอนต่อไปซึ่งก็จะมีรูปแบบของการตากที่ใช้แดดในการตากสำหรับพื้นที่ที่มีแดดจัด แต่ในบางพื้นที่ที่แดดน้อยนั้นก็จะมีการนำเอาเครื่องอบแห้งเข้ามามีส่วนช่วยในขั้นตอนนี้อีกด้วยโดยจะใช้เพื่อลดระดับความชื้นให้ลดลงเหลือเพียง 11-12% นั่นเอง
แบบผสมผสาน
การแปรรูปแบบผสมผสานหรือ Pulped Natural Process เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศบราซิล ซึ่งเกิดจากการทดลองของผู้ผลิตอุปกรณ์แปรรูปกาแฟอย่าง Pinhalense ที่พยายามผลิตกาแฟที่มีคุณภาพสูงโดยการใช้ปริมาณน้ำที่น้อยกว่าการใช้วิธี wet process ซึ่งหลังจากการเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้วผลกาแฟนี้ก็จะถูกลำเลียงไปยังเครื่องต่อกาแฟเพื่อที่จะทำการปลอกเอาเปลือกและเนื้อส่วนใหญ่ออกก่อนจะนำไปตากไว้บนลานตากหรือถาดตากแห้งด้วยเนื้อกาแฟที่น้อยลงซึ่งก็จะทำให้โอกาสของการเกิดข้อบกพร่องนั้นน้อยลงตามไปด้วยแต่ในส่วนของตัวกาแฟก็ยังคงมีน้ำตาลรอบ ๆ เมล็ดที่เพียงพอต่อการทำให้เกิดรสหวานและบอดี้ที่มีสัมผัสที่ชัดเจนได้มากยิ่งขึ้น
และนี่ก็คือสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องของการแปรรูปกาแฟที่มีความซับซ้อนและชวนให้หลงใหล ซึ่งกว่าจะมาเป็นเมล็ดกาแฟคุณภาพที่ผ่านการคั่วด้วยระดับต่าง ๆ ให้เราได้ลิ้มลองและดื่มกันในทุกวันนี้นั้น ก็มีกระบวนการตั้งแต่การเก็บเกี่ยวไปจนถึงการหมักและการตากในรูปแบบต่าง ๆ ที่มีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งก็ส่งผลต่อรสชาติและรสสัมผัสในขณะเดียวกัน ดังนั้นใครที่อยากรู้จักกับกาแฟมากยิ่งขึ้นก็สามารถมาหาความรู้เพิ่มเติมกันได้จากเว็บไซต์ของเรากันได้เลย เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟคุณภาพสูงที่โรงแรมชั้นนำเลือกใช้ โดยมีกาแฟสำหรับสำนักงานและร้านอาหาร ให้ทุกสถานที่ของคุณสัมผัสประสบการณ์กาแฟที่ดีที่สุด