ทำความรู้จักเมล็ดกาแฟพรีเมียมกับการแปรรูปกาแฟแบบ Dry/Natural Process
Coffee processing หรือ กระบวนการทำกาแฟด้วยการใช้เทคนิคต่างๆเพื่อทำให้กาแฟนั้นมีรสชาติและสีของเมล็ดกาแฟที่จะเพิ่มคุณค่าให้กับการชงกาแฟของคุณได้มากยิ่งขึ้นที่สามารถนำมาใช้กับเมล็ดกาแฟพรีเมียมได้อีกด้วย ซึ่งการ process นั้นก็จะต้องอาศัยหลักความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะทางกายภาพของกาแฟ ซึ่งวันนี้บทความของเราก็ได้นำเอาความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับ Dry Process หรือ Natural process มาให้ทุกท่านได้รู้จักกันว่ากระบวนการหรือเทคนิคการทำกาแฟแบบนี้นั้นจะมีข้อดีหรือมีความน่าสนใจอย่างไรที่ชวนให้เราได้ค้นหากันบ้าง
Dry Process คืออะไร มีรสชาติยังไง ทำยากไหม?
Dry process หรือ Natural process คือ กระบวนการทำกาแฟที่ให้รสชาติมีความธรรมชาติมากที่สุดซึ่งเป็นรูปแบบของการ process ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก โดยกระบวนการหรือเทคนิคเหล่านี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะทำให้คุณได้เปิดประสบการณ์การดื่มกาแฟแบบใหม่ ๆ ไปได้ในตัว ที่ให้รสชาติมีความเป็นธรรมชาติของกาแฟได้มากที่สุด ซึ่งก็สามารถนำมาใช้ได้กับทั้งกาแฟที่เป็นเกรดถูกและเมล็ดกาแฟพรีเมียมคุณภาพสูงสูงโดยวิธีการแปรรูปกาแฟแบบ dry process นี้ก็จะมีกระบวนการในการทำดังนี้
- นำเชอร์รี่กาแฟแบบที่สุกแล้วซึ่งในส่วนนี้นั้นสำหรับบางที่ก็อาจจะไม่ได้คัดแยกคุณภาพก่อน แต่การที่คัดแยกคุณภาพของผลเชอร์รี่กาแฟที่เป็นเม็ดสุกเอาไว้จะทำให้กระบวนการ Natural process มีคุณภาพและได้กาแฟที่ดีมากยิ่งขึ้น
- จากนั้นให้นำผลเชอร์รี่ที่เราได้คัดแยกแล้วไปตากแห้ง ซึ่งก็จะใช้เวลาประมาณ 15-30 วันหรือครึ่งเดือนกันเลยทีเดียว จนเนื้อของเขานั้นมีความแห้งและเป็นเปลือกที่หลุดร่อนออกจากเม็ดที่สามารถเกลี่ยได้อย่างสม่ำเสมอกัน เพื่อเป็นการป้องกันเชื้อรานั่นเอง
โดยจะสังเกตได้ว่ากลิ่นและรสชาติของกระบวนการทำกาแฟประเภทนี้นั้นก็จะให้กลิ่นที่มีความคลีนและเป็นธรรมชาติมากที่สุด อีกทั้งยังให้รสชาติแบบเนเจอร์ของกาแฟหรือรสชาติของกาแฟแบบดั้งเดิมเอาไว้ได้เป็นอย่างดี โดยจะขึ้นอยู่กับแหล่งเพาะปลูกแต่ละแห่งที่เป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้รสชาตินั้นออกมาเป็นลักษณะไหนได้อีกด้วย และในแหล่งเพาะปลูกแต่ละแห่งนั้นบางทีก็อาจไม่ได้ผ่านกระบวนการชะล้างด้วยน้ำแต่อย่างใด จึงทำให้เมล็ดของกาแฟนั้นสามารถดูดซึมสารต่าง ๆ ที่อยู่ในเนื้อกาแฟได้อย่างเต็มที่ทำให้เกิดความหวานที่มีความคล้ายกับผลไม้ตากแห้งอยู่ด้วย
อีกทั้งยังมีกลิ่นที่มีความคล้ายกับไวน์หมักอยู่ในตัว แต่ถึงกระนั้นก็สามารถที่จะแบ่งแยกความเป็นเมล็ดกาแฟพรีเมียมและกาแฟคุณภาพต่ำออกได้อย่างชัดเจนอีกเช่นเดียวกัน เพราะถึงแม้มีกระบวนการทำที่เหมือนกันแต่รสชาติและกลิ่นของเขาค่อนข้างที่จะต่างกันพอสมควร ซึ่งหากเป็นกาแฟที่มีคุณภาพต่ำนั้นก็จะเอื้ออำนวยในเรื่องของต้นทุนที่ไม่สูงในการผลิตและเหมาะกับคนที่มีงบประมาณที่จำกัดแต่อยากลองดื่มกาแฟจากกระบวนการ Natural process ซึ่งหากเป็นแบบท็อปเกรดก็จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียวอีกทั้งยังมีคาแรคเตอร์ของกาแฟที่มีความชัดเจนอีกด้วย
เพราะฉะนั้นกระบวนการหรือเทคนิคแบบ dry process นี้ ถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังสามารถนำมาปรับใช้ทั้งในเมล็ดกาแฟพรีเมียมและคุณภาพต่ำได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็จะให้รสชาติและกลิ่นที่มีความแตกต่างกันออกไปเล็กน้อยอย่างไรก็ตามหากใครที่อยากลองดื่มกาแฟจากกระบวนการเหล่านี้นั้นก็สามารถที่จะลองหาซื้อเมล็ดมาลองกันได้ อีกทั้งยังมีหลากหลายราคาให้เลือก ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับแหล่งเพาะปลูกรวมไปถึงกระบวนการที่ได้มาตรฐานที่ส่งผลต่อคุณภาพของกาแฟอยู่ในตัวนั่นเอง